ไปตามล่าแสงเหนือ (Aurora) กัน! - ALL ABOUT JOURNEY

Aurora เป็นปรากฏการณ์แสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซต่างๆ (ในชั้นบรรยากาศโลก) กับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆกันออกไปโดยมักจะเกิดขึ้นในบริเวณแถบขั้วโลกที่ความสูงจากพื้นโลกประมาณ 100 ถึง 300 กิโลเมตร ซึ่งก็คือบริเวณบรรยากาศโลกชั้นนอกสุดใกล้กับอวกาศ

Aurora ไม่ได้มีแค่แสงเหนือนะ!

Aurora มีทั้ง แสงเหนือ และ แสงใต้ ครับ ชื่อที่เรียกก็ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดคือที่ขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้ โดย Aurora ที่เกิดแถบขั้วโลกเหนือเรียกว่า แสงเหนือ (Aurora Borealis) ส่วน Aurora ที่เกิดขึ้นแถบขั้วโลกใต้เรียกว่า แสงใต้ (Aurora Australis) แต่หากต้องการเรียกรวมกันจะใช้คำว่า แสงขั้วโลก (Aurora Polaris)

ชื่อนี้ถูกตั้งขึ้นโดย กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei ค.ศ. 1564 – 1642) นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังชาวอิตาลีครับ

Aurora แท้จริงแล้วมีหลายสี

แสงขั้วโลก จริงๆแล้วมีหลายสีทั้ง สีฟ้า สีเหลือง สีแดง หรือ สีม่วง แต่สีที่พบกันบ่อยสุดก็คือ สีเขียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับชั้นบรรยากาศและชนิดของก๊าซ เช่น หากในชั้นบรรยากาศนั้นมีออกซิเจนหนาแน่นก็จะทำให้ Aurora เป็นสีเขียวอมเหลือง แต่หากเป็นช่วงชั้นบรรยากาศที่มีไนโตรเจนมาก Aurora จะเป็นสีฟ้าและสีม่วง ส่วน Aurora สีแดงจะปรากฏในช่วงชั้นบรรยากาศที่สูงเกิน 200 กิโลเมตรขึ้นไป เป็นต้น อืม… เงื่อนไขเยอะเหมือนกันครับ

ถึงเวลาล่าแสง Aurora กันแล้ว!

หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นของ Aurora แล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่าเราจะไปล่า Aurora กันได้ที่ไหนบ้าง? ผมขอแบ่งเป็นแสงเหนือและแสงใต้นะครับ

สถานที่สำหรับล่าแสงเหนือ (Aurora Borealis) มีดังนี้

  1. ไอซ์แลนด์ (Iceland)

จริงๆแล้วคุณสามารถเห็น Aurora ได้แทบทุกที่ถ้าอยู่นอกเมืองหลวง Reykjavik (คือในเมืองหลวงแสงสว่างเยอะทำให้มองท้องฟ้าได้ไม่ชัดน่ะครับ) และถ้าสภาพอากาศอำนวย จุดยอดนิยมคือ อุทยานแห่งชาติ Þingvellir, ภูเขา Kirkjufell, ทะเลสาบน้ำแข็ง JökulsárlönGlacier Lagoon

ช่วงเวลาที่อยากแนะนำคือ เดือนตุลาคม-เดือนมีนาคม

  1. สวีเดน (Sweden)

ตอนเหนือสุดของประเทศเป็นชัยภูมิสำคัญในการชมแสงเหนือของที่นี่ ส่วนสถานที่ยอดฮิตก็มี Aurora Sky Station ในอุทยานแห่งชาติ Abisko, ทะเลสาบ Torneträsk

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เดือนกันยายน-เดือนมีนาคม

  1. นอร์เวย์ (Norway)

พื้นที่ยอดนิยมคือตอนเหนือของประเทศที่เมือง Tromsø, เกาะ Lofoten, Svalbard, Alta, Finnmark

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เดือนกันยายน-เดือนมีนาคม

  1. ฟินแลนด์ (Finland)

พื้นที่ยอดนิยมคือตอนเหนือของประเทศแถวๆ Sodankylä, ทะเลสาบ Inari, อุทยานแห่งชาติ Luosto และ Oulanka, Luosto, Nellim, Utsjoki, Ivalo, Kakslauttanen

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ ปลายเดือนสิงหาคม-เดือนเมษายน

  1. รัสเซีย (Russia)

ประเทศเดียวในโลกที่คุณที่สามารถไปดู Aurora ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า สถานที่ยอดนิยมคือ Murmansk, Siberia, คาบสมุทร Kola, Severodvinsk

ช่วงเวลาที่เราขอแนะนำคือ เดือนกุมภาพันธ์ ไปชม Aurora กับคนรักในวันวาเลนไทน์มันธรรมดาที่ไหนล่ะ?

  1. รัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา (Alaska, USA)

จุดที่น่าจะเห็น Aurora ได้สวยคือ Anchorage, Fairbanks, Denali, Yukon

ช่วงเวลาขอแนะนำคือ เดือนกันยายน-เดือนเมษายน

  1. แคนาดา (Canada)

ที่นี่เป็นประเทศยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งสำหรับการตามล่า Aurora จุดที่ควรพิจารณาคือ Calgary, ทะเลสาบ Pristine ใน Ontario, Yukon Territory, Manitoba, เมือง Tundra

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เดือนมกราคม-กลางเดือนมีนาคม

  1. กรีนแลนด์ (Greenland)

สำหรับที่นี่ คุณสามารถชม Aurora ได้เกือบจะทั่วประเทศเลยครับ Kulusuk, Ammassalik , Kuuk เป็นจุดยอดนิยมในประเทศนี้

ช่วงเวลาที่เราแนะนำคือ เดือนมกราคม-เดือนกุมภาพันธ์

  1. สก็อตแลนด์ (Scotland)

จะว่าไปแล้วที่นี่ก็ไม่ค่อยจะได้รับความนิยมจากนักล่า Aurora สักเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อยอำนวย แต่ถ้าบังเอิญคุณอยู่แถวๆนี้ในช่วงฤดูหนาวทำไมจะไม่ลองล่ะครับ? จุดที่ได้ชื่อว่ามักจะสมหวังในการล่าก็จะเป็นแถวๆ Aberdeen, Isle of Skye, Northern Highlands, คาบสมุทร Dunnet Head

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์

  1. เดนมาร์ก (Denmark)

สำหรับที่นี่ คุณควรไปที่หมู่เกาะ Faroe สถานเดียวครับ

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ กลางเดือนสิงหาคม-ปลายเดือนเมษายน

ส่วนสถานที่สำหรับล่าแสงใต้ (Aurora Australis) มีดังนี้

  1. รัฐ Tasmania ประเทศออสเตรเลีย

สำหรับที่รัฐทางตอนใต้ของออสเตรเลียนี้ คุณมีโอกาสเห็น Aurora ได้ตลอดทั้งปีในวันที่สภาพอากาศอำนวยและเห็นได้เกือบทุกจุดเลยด้วย

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เดือนกันยายน

  1. นิวซีแลนด์ (New Zealand)

คุณจะมีโอกาสได้เห็น Aurora แถวๆแถบเกาะใต้ จุดยอดนิยมได้แก่ ทะเลสาบ Tekapo, เมือง Invercargill, เกาะ Stewart, เมือง Catlins, เมือง Dunedin

ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เดือนมีนาคม

แสง Aurora นี่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลยนะครับ ที่สำคัญ ทุกคนที่เคยไปเห็น Aurora มาแล้วต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ต่างจากภาพนิ่งหรือคลิปที่เห็นๆกันอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนกับภาพหิมะตกที่เราเห็นในภาพยนตร์กันจนเบื่อมันไม่มีทางเทียบได้กับเวลาที่เราไปยืนอยู่กลางสายหิมะที่โปรยปรายลงมาที่ตัวเราจริงๆยังไงยังงั้นเลยครับ

หลายๆประเทศคุณสามารถไปในช่วงวันหยุดยาว เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ ได้นะ แต่ต้องจองล่วงหน้านานหน่อย

ไปตามล่า Aurora สักครั้งในชีวิตกันเถอะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องนา

สนใจ “โปรแกรมล่าแสงเหนือ” คลิ๊กที่นี่

Top